วัตถุประสงค์
ในบล็อกนี้ ผมมีวัตถุประสงค์ที่จะนำองค์ความรู้ของวิชชาธรรมกายมาเผยแพร่อย่างเป็น วิชาการ หรืออย่างเป็นสาขาวิชาหนึ่ง (Field of study)
สิ่งที่ควรจะรู้ก่อนอื่นเลยก็คือ คำศัพท์ที่ว่า วิชาธรรมกาย และ ธรรมกายศาสตร์ มีความหมายและขอบเขตแค่ไหน อย่างไร
วิชาธรรมกาย หมายถึง การปฏิบัติธรรมตามแบบวิชาธรรมกายของหลวงพ่อวัดปากน้ำ ซึ่งหลวงพ่อวัดปากน้ำยืนยันว่า เป็นวิชาของพระพุทธเจ้า แต่ขาดผู้ปฏิบัติตามอย่างถูกต้อง ตั้งแต่ประมาณปี พ.ศ. 500 หลวงพ่อวัดปากน้ำเป็นผู้สามารถปฏิบัติตามได้อย่างถูกต้องอีกครั้งหนึ่ง
การค้นพบความรู้ของวิชาธรรมกายได้อีกครั้งหนึ่งนั้น โดยมากจะมีผู้อธิบายว่า หลวงพ่อวัดปากน้ำค้นมาได้โดยบังเอิญ ซึ่งในแง่หนึ่งก็สามารถที่จะตีความเป็นเช่นนั้นได้
แต่ถ้าพูดกันถึงในระดับของความรู้สูงๆ ของทางศาสนาพุทธแล้ว การค้นพบวิชาธรรมกายของหลวงพ่อวัดปากน้ำดังกล่าว ไม่ใช่เป็นเรื่องบังเอิญ แต่เป็นเรื่องของการบำเพ็ญบารมีอย่างยิ่งยวด อย่างนับภพนับชาติไม่ถ้วนของหลวงพ่อวัดปากน้ำต่างหาก
เรื่องบังเอิญนี้น่าสนใจมาก เพราะ ในทางวิทยาศาสตร์กับทางศาสนามีความเห็นตรงกันว่า ไม่มีเรื่องบังเอิญแบบที่เข้าใจกันนั้น คือ เหตุการณ์ใดเหตุการณ์จะต้องมีสาเหตุความเป็นมา
ความแตกต่างระหว่างวิทยาศาสตร์กับศาสนาในเรื่องบังเอิญนี้ ก็คือ วิทยาศาสตร์ไม่สามารถอธิบายได้ว่า ทำไมเหตุการณ์บังเอิญเกิดขึ้นได้ แต่ศาสนาพุทธมีคำอธิบายให้กับเหตุการณ์บังเอิญได้
ธรรมกายศาสตร์ หมายถึง การนำการปฏิบัติธรรมตามวิชชาธรรมกายมาอธิบายหรือตีความตามหลักของวิชาการ สมัยปัจจุบัน เนื่องจากเนื้อหาคำสอนของหลวงพ่อวัดปากน้ำนั้น เรื่องที่เป็นเรื่องละเอียด ขนาดเป็นลูกศิษย์ในสายวิชาธรรมกายเอง ก็ยังอ่านไม่ค่อยเข้าใจแล้ว
ถึงแม้ในปัจจุบันนี้ คุณลุงการุณย์ บุญมานุชก็นำตำราวิชชาธรรมกายของหลวงพ่อวัดปากน้ำมาขยายความให้ง่ายขึ้นทุก หลักสูตร เรื่องที่เป็นเรื่องละเอียดลึกๆ ลูกศิษย์อ่านแล้วก็ยังเข้าใจยากเช่นเดิม ไม่ต้องพูดถึงคนอื่นๆ
ข้อย้ำก่อนว่า ไม่ได้มีการตีความใหม่ให้กับวิชชาธรรมกาย แต่เป็นการอธิบายในเชิงวิชาการ เพื่อให้คนทั้งโลกสามารถเข้าใจได้ง่ายๆ และสามารถปฏิบัติตามได้ง่ายขึ้น
สำหรับด้านเนื้อหาในบล็อกนั้น ก็จะกล่าวถึงเรื่องทั่วๆ ไป ง่ายๆ ที่ยังมีความเข้าใจผิดกันอยู่
กล่าวคือ เป็นเรื่องที่พุทธวิชาการหรือพุทธปฏิบัติบางส่วน อธิบายแล้วขาดเหตุผล สับสนวกวนไปมา
ข้อเขียนในแต่ละส่วนมีเนื้อหาขัดแย้งกัน เช่น สอนว่าขันธ์ 5 ไม่ใช่ตัวตน ตัวตนของเราไม่มี แต่ก็มีพุทธพจน์ที่ว่า ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน ทำให้พุทธศาสนิกชนสับสนว่า ตกลงแล้วตัวตนมีหรือไม่ ถ้ามีเป็นอย่างไร
สมถกรรมฐาน วิปัสสนากรรมฐาน เป็นอย่างไรกันแน่ แยกกันได้หรือไม่ สติปัฏฐาน 4 เป็นวิปัสสนากรรมฐานใช่หรือไม่
สติปัฏฐาน สามารถทำให้บรรลุพระอรหันต์ได้หรือไม่
พระไตรลักษณ์จำเป็นมากหรือสำหรับสังคมไทย ที่เป็นสังคมพุทธมาช้านาน ไม่ใช่สังคมพราหมณ์อย่างเช่นในสมัยพุทธกาล เป็นต้น
นอกจากนั้นแล้วก็จะยังอธิบายสาเหตุของความไม่เข้าใจในเรื่องต่างๆ นั้นด้วยว่า เกิดมาจากสาเหตุอะไร
โปรดติดตามต่อไป
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น