บริจาค

เห็นว่า..บล็อกนี้ดี มีประโยชน์... โปรดสนับสนุนผู้ทำบล็อกได้ที่ พร้อมเพย์ 083-4616989
หรือบัญชี 002-1-70462-8 กสิกรไทย สาขาบางลำภู

อะไรคือตัวตนของเรา

ข้อความจากอนัตตลักขณสูตร ในส่วนที่ให้พิจารณาโดยยถาภูตญาณทัสสนะ มีดังนี้

 [๒๒] พระผู้มีพระภาคตรัสว่าดูกรภิกษุทั้งหลายเพราะเหตุนั้นแล

[รูป/เวทนา/สัญญา/สังขาร/วิญญาณ] อย่างใดอย่างหนึ่งที่เป็นอดีตอนาคตและปัจจุบันภายในหรือภายนอก หยาบหรือละเอียด เลวหรือประณีต ไกลหรือใกล้ ทั้งหมดก็เป็นแต่สักว่า [รูป/เวทนา/สัญญา/สังขาร/วิญญาณ]

 เธอทั้งหลายพึงเห็น [รูป/เวทนา/สัญญา/สังขาร/วิญญาณ] นั้น ด้วยปัญญาอันชอบตามเป็นจริงอย่างนี้ว่า นั่นไม่ใช่ของเรา นั่นไม่เป็นเรา นั่นไม่ใช่ตนของเรา

ตามหลักการของภาษาศาสตร์แล้ว ข้อความที่ว่า นั่นไม่ใช่ของเรา นั่นไม่เป็นเรา นั่นไม่ใช่ตนของเรา แสดงว่า ตัวตนของเรามี  แต่ไม่ใช่ขันธ์ 5 [รูป/เวทนา/สัญญา/สังขาร/วิญญาณ]

แล้วอะไรคือตัวตนของเรา

จากข้อความของอนัตตลักขณสูตรข้างต้น  พุทธวิชาการ พุทธปฏิบัติธรรมส่วนใหญ่เลยก็ว่าได้ ที่ตีความผิดไปอย่างหน้ามือเป็นหลังเท้าว่า "ตัวตนไม่มี"  จากนั้นก็อธิบายขยายความมั่วไปหมด

อธิบายจนศาสนาพุทธผิดเพี้ยนไปหมด  มีการตีความไปถึงว่า สวรรค์ พรหม รูปพรหมไม่มี  การตีความแบบนี้ มันทำลายศาสนาพุทธชัดๆ 

ผลของการตีความของพุทธวิชาการกับพุทธปฏิบัติธรรมส่วนใหญ่นั้น จึงทำให้คนไทยในยุคนี้ ขาดคุณธรรม/จริยธรรม/ศีลธรรมไปเสียสิ้น

ขบวนการกินบ้าน กินเมือง รวมถึงเผาบ้าน เผาเมืองจึงเกิดขึ้น ไม่ได้กลัวบาปกรรมแต่อย่างใด

ในเมื่อขันธ์ห้าไม่ใช่ตัวตนของเรา แล้วอะไรล่ะ มันคือตัวตนของเรา  วิชาธรรมกายอธิบายเรื่องนี้ไว้อย่างไร

หลวงพ่อวัดปากน้ำอธิบายว่า ในส่วนละเอียดที่สุด ตัวตนของเราคือ เห็น จำ คิด รู้  เมื่อเห็น จำ คิด รู้มาอยู่กับขันธ์ห้า จึงทำให้ขันธ์ห้ามีชีวิตขึ้นมาได้


เมื่อเราตายไป เห็น จำ คิด รู้ก็ทิ้งขั้นธ์ห้าของโลกนี้ไป ไปตามบุญตามกรรมก่อน  เมื่อมาเกิดใหม่  เราก็จะได้ขันธ์ห้าใหม่  ขันธ์ห้าจึงไม่มีใช่ตัวตนของเรา

เปรียบเทียบให้เข้าใจง่ายขึ้นก็คือ ขันธ์ห้าก็คือ ขันน้ำ  ส่วนเห็น จำ คิด รู้ก็คือ น้ำ อธิบายไปข้างต้นนั้น แบบเป็นละเอีดยลึกซึ้ง

ถ้าจะอธิบายให้ชาวบ้านเข้าใจก็ง่ายๆ  ไอ้ที่อ่านหนังสืออยู่นี้ เดินไปเดินมา ทำมาหากินอยู่นี้นี่แหละคือ "ตัวตนของเรา" ไม่ใช่ของคนอื่น เป็นของเราเอง

เมื่อ 7 ขวบก็เป็นของเรา 17 ปีก็เป็นของเรา 27 ปีก็เป็นของเรา ถึงแม้จะเปลี่ยนทางกายภาพไป แต่ก็เป็นตัวตนของเรา ไม่ใช่ของคนอื่น

แต่เป็นตัวตนที่ยังเป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา  ถ้าเมื่อไหร่เราสร้างบารมีจนเป็นกายธรรมพระอรหัต นั่นแหละเป็นตัวตนที่แท้จริง ไม่เปลี่ยนแปลงแล้ว เพราะ เป็นกายนิจจัง สุขัง อัตตา

เป็นกายละเอียดอยู่ภายใน


โดยสรุป


เห็น จำ คิด รู้ซึ่งเป็นตัวตนของเรานั้น  ถ้ายังไม่บรรลุพระอรหันต์ก็ยังตกอยู่ในไตรลักษณ์อยู่ คือ เป็นอนิจจัง/ทุกขัง/อนัตตา  เมื่อบรรลุพระอรหันต์แล้ว จึงจะเป็นนิจจัง/สุขัง/อัตตา

และเห็น จำ คิด รู้นี้ ไม่ใช่สิ่งเดียวกับ "อัตตาของพราหมณ์" ที่พุทธวิชาการ พยายามยัดเยียดให้เป็น

คนไทยในยุคนี้ ถ้าไม่ใช่นักวิชาการที่ศึกษาอย่างลึกซึ้งจริงจัง ไม่มีใครเข้าใจเรื่อง "อัตตาของพราหมณ์" หรอกครับ 

คนไทยเชื่อและเข้าใจเรื่องแม่นาค เรื่องเปรต เรื่องบุญเรื่องกรรม เป็นอย่างดี

อัตตาของพราหมณ์มันเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอินเดีย ตั้งสองพันกว่าปีมาแล้ว  คนไทยในยุคนี้จะไปเข้าใจได้อย่างไร



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น