บริจาค

เห็นว่า..บล็อกนี้ดี มีประโยชน์... โปรดสนับสนุนผู้ทำบล็อกได้ที่ พร้อมเพย์ 083-4616989
หรือบัญชี 002-1-70462-8 กสิกรไทย สาขาบางลำภู

การบรรลุพระอริยบุคคล

จากการที่นำองค์ความรู้ของวิชาธรรมกายออกมาเผยแพร่ และติดตามการถกเถียงประเด็นที่เกี่ยวกับวิชาธรรมกายในเว็บต่างๆ ก็ต้องพบกับข้อคำถามเป็นจำนวนมาก

ที่พบแล้วน่านำมาตอบก็คือ  การบรรลุพระอรหันต์ในวิชาธรรมกายทำอย่างไร

ผมเองก็ถูกถามไว้ ในเว็บแห่งหนึ่งดังนี้

ผมมีข้อสงสัยอยากถามว่า การบรรลุเป็นพระอริยสาวกตามแนววิชาธรรมกายจะต้องทำอย่างไร มีขั้นตอนใดบ้าง ขอบคุณครับ

จึงขอนำมาตอบใหม่ แต่ยังไม่เสร็จเรียบร้อยดี ขอปรับปรุงอีกเล็กน้อยก่อน [จะใส่แหล่งอ้างอิงให้มากกว่านี้] ตอนนี้ ก็ขอให้อ่านคร่าวๆ ไปก่อน ดังนี้

ผู้ถามคงจะรู้จักวิชา 18 กาย แล้ว แต่ขอทบทวนก่อนดังนี้ ในวิชาธรรมกาย กายของมนุษย์ตั้งแต่กายมนุษย์จนถึงกายธรรมพระอรหัต (กายธรรมพระอรหัต ไม่ใช่กายพระอรหันต์) มีจำนวน 18 กาย ดังนี้

1) กายมนุษย์หยาบ
2) กายมนุษย์ละเอียด
3) กายทิพย์หยาบ
4) กายทิพย์ละเอียด
5) กายพรหมหยาบ
6) กายพรหมละเอียด
7) กายอรูปพรหมหยาบ
8) กายอรูปพรหมละเอียด
9) กายธรรมโคตรภูหยาบ
10) กายธรรมโคตรภูละเอียด
11) กายธรรมพระโสดาหยาบ
12) กายธรรมพระโสดาละเอียด
13) กายธรรมพระสกิทาคามีหยาบ
15) กายธรรมพระอนาคามีหยาบ
14) กายธรรมพระสกิทาคามีละเอียด
16) กายธรรมพระอนาคามีละเอียด
17) กายธรรมพระอรหัตหยาบ
18) กายธรรมพระอรหัตละเอียด

ตั้งแต่กายมนุษย์หยาบ-กายอรูปพรหมละเอียด ในวิชชาธรรมกายยังถือว่าเป็นขั้นสมถภาวนาอยู่ ตั้งแต่กายธรรมโคตรภูหยาบ-กายธรรมพระอรหัตละเอียดถือว่าเป็นขั้นวิปัสสนา

ที่นี้การที่จะบรรลุเป็นอริยบุคคล ถือว่าเป็นขั้นวิปัสสนาแล้ว ก็ต้องใช้กายธรรมพระอรหัตละเอียดเป็นตัวรู้และเห็น

ตามวิชชาธรรมกาย การเดินวิชชา 18 กายตั้งแต่กายมนุษย์หยาบ-กายธรรมพระอรหัตละเอียดนี้ถือเป็นวิชชาพื้นฐาน ต้องทำทุกวันทั้งอนุโลม-ปฏิโลม อนุโลมก็ตั้งแต่กายที่ 1 กายที่ 18 ปฏิโลมก็ตั้งแต่กายที่ 18 กายที่ 1 ต้องเดินวิชชาไปกลับอย่างน้อย 7 เที่ยว  

วิชชาธรรมกายมีรายละเอียดจำนวนมาก แต่ขอตัดให้สั้นๆ เพื่อให้เหมาะกับคำถาม ในการที่จะบรรลุเป็นพระอริยบุคคลมีความเกี่ยวข้องกับเรื่องการเดินฌานสมาบัติอีกด้วย ดังนั้น จึงจะอธิบายเรื่องฌาน 8 ดังนี้

1) ปฐมฌาน
2) ทุติยฌาน
3) ตติยฌาน
4) จตุตถฌาน
5) อากาสาจายตนะฌาน
6) วิญญาณัญจายตนะฌาน
7) อากิญจัญญายตนะฌาน
8) เนวสัญญานาสัญญายตนะฌาน

การเดินฌานสมาบัติ หรือจะเรียกสั้นๆ ว่า การเดินสมาบัติก็คือ การเดินฌาน 1  ฌาน 8 และ การเดิน ฌาน 8  ฌาน 1 วัตถุประสงค์เพื่อทำให้ใจสะอาดปราศจากกิเลสนั่นเอง และการทำให้ใจใสปราศจากกิเลสก็จะทำให้บุคคลที่ทำกลายเป็นพระอริยบุคคลได้

ในการเดินฌานสมาบัติของวิชชาธรรมจะต้องเริ่มด้วยการเดินวิชชา 18 กายเป็นอนุโลม-ปฏิโลมอย่างน้อย 7 เที่ยว จนกายธรรมใสดีแล้ว จนกระทั่งถึงตอนที่กายธรรมพระอรหัตละเอียดเป็นกายในสุด ละเอียดสุด

เราจะใช้ตาของกายธรรมพระอรหัตดูดวงธรรมของกายมนุษย์ 

ตรงนี้จะอธิบายแทรกนิดหนึ่ง  กายทุกกายจะมีศูนย์กลางกายเป็นจุดเล็กใสเท่าปลายเข็มจุดเดียวกัน

ดังนั้น เมื่อกายธรรมพระอรหัตจะดูดวงธรรมของกายมนุษย์ก็ดูไปที่ศูนย์กลางกาย เมื่อใจต้องการจะเห็นดวงธรรมของกายมนุษย์ ตาก็จะเห็นดวงธรรมดังกล่าวไปโดยอัตโนมัติ

หลังจากนั้น กายธรรมพระอรหัตก็จะทำให้ดวงธรรมของมนุษย์เป็นฌาน คือ จากดวงธรรมกลมๆ ทำให้เป็นแผ่นกลมของฌาน มีเส้นผ่าศูนย์กลาง 2 วา หนา 1 คืบ 

ถ้าจะถามว่า วากับคืบนั้นกว้างขนาดไหน คือ วาของใคร คืบของใครก็กว้างเท่านั้น

เมื่อทำดวงธรรมให้เป็นแผ่นฌานแล้ว ก็เอากายธรรมพระอรหัตไปนั่งบนฌานนั้น ซึ่งเป็นปฐมฌาน ขั้นตอนนี้เรียกว่า กายธรรมเข้าปฐมฌาน

ต่อไปก็เอาตาของกายธรรมพระอรหัตดูดวงธรรมของกายทิพย์ แล้วก็ทำให้ดวงธรรมของกายทิพย์เป็นแผ่นฌาน แล้วเอากายธรรมพระอรหัตนั่งเป็นแผ่นฌานนั้น

ขั้นตอนนี้เรียกว่า กายธรรมเข้าทุติยฌาน  ตอนทำทุติยฌานนี่ แผ่นปฐมฌานจะถอยออกไปอยู่ด้านล่างเองโดยอัตโนมัติ

บางท่านจะเรียกว่า ฌานที่ 1 หายไป ฌานที่ 2 รองรับ แต่แผ่นฌานไม่ได้หายไปไหน  แต่ถอยไปอยู่ด้านล่างถัดไป

แล้วก็ทำกับกายพรหม (ทั่วๆ จะเรียกว่า กายรูปพรหม) และกายอรูปพรหม กายธรรมจะเข้าตติยฌานและจตุตถฌานตามลำดับ  

ทั้งหมดที่กล่าวมาข้างต้นเป็นรูปฌาน

ส่วนการทำอรูปฌานทำดังนี้

ในขณะที่อยู่ที่จตุตถฌานทำใจของกายธรรมพระอรหัตน้อมไปว่า ฌานที่ละเอียดกว่านี้มีอีก ฌานที่ 4 ก็จะเลื่อนถัดลงไป ฌานที่ 5 ก็จะเข้ามารับกายธรรมพระอรหัตเอง

หลังจากนั้นก็ทำใจของกายธรรมพระอรหัตน้อมไปว่า ฌานที่ละเอียดกว่านี้มีอีก ฌาน 6-7-8 ก็เกิดขึ้น 

จากขั้นต้นมาถึงขั้นนี้ เรียกว่า การเข้าฌาน 1-8 โดยอนุโลม พอกลับจากฌานที่ 8 ไปจนถึง ฌานที่ 1 ถือว่าเป็นปฏิโลม

การทำอย่างนี้เรื่อยไปเรียกกว่า การเดินฌาน ซึ่งทำใจสะอาดขึ้นเรื่อยๆ  ในทางวิชชาธรรมกายมีการฝึกอื่นๆ อีกมาก 

ที่นี้ พอฝึกไปจนถึงขั้นละกิเลสได้แล้ว จะต้องทำอย่างนี้ ถึงจะเป็นอริยบุคคล

ขณะที่ทำอนุโลม-ปฏิโลมไปจนครบ 7 เที่ยวแล้ว กายธรรมพระอรหัตเป็นกายที่ละเอียดที่สุด  ให้ตากายธรรมพระอรหัตดูทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรคในกายมนุษย์ จนครบ 3 รอบคือ สัจจญาณ กิจจญาณ และกตญาณแล้ว

ถ้าใจเราทำถูกส่วนและเราละกิเลส 3 ได้คือ สักกายทิฏฐิ วิจิกิจฉา และสีลัพพตปรามาสได้ กายธรรมพระอรหัตจะตกศูนย์เป็นดวงใส วัดเส้นผ่าศูนย์กลางได้ 5 วา (วาของผู้ทำวิชชา) 

ในไม่ช้าศูนย์นั้นก็จะกลายมาเป็นกายธรรมพระโสดา หน้าตักกว้าง 5 วา สูง 5 วา นี่ก็แสดงว่า ผู้นั้นได้เป็นอริยบุคคลขั้นโสดาบันแล้ว

ต่อจากนั้น เอากายธรรมพระโสดาดูทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรคในกายทิพย์ จนครบ 3 รอบคือ สัจจญาณ กิจจญาณ และกตญาณแล้ว

ถ้าใจเราทำถูกส่วนและเราละสังโยชน์ 3 ได้คือ สักกายทิฏฐิ วิจิกิจฉา และสีลัพพตปรามาสได้แล้ว และยังละกามราคะกับพยาบาทอย่างหยาบได้อีก 2 อย่าง

กายธรรมพระอรหัตจะตกศูนย์เป็นดวงใส วัดเส้นผ่าศูนย์กลางได้ 10 วา ในไม่ช้าศูนย์นั้นก็จะกลายมาเป็นกายธรรมพระสกิทาคามี หน้าตักกว้าง 10 วา สูง 10 วา นี่ก็แสดงว่า ผู้นั้นได้เป็นอริยบุคคลขั้นพระสกิทาคามีแล้ว

ต่อจากนั้น เอากายธรรมพระสกิทาคามีดูทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรคในกายพรหม จนครบ 3 รอบคือ สัจจญาณ กิจจญาณ และกตญาณแล้ว

ถ้าใจเราทำถูกส่วนและเราละสังโยชน์ 3 ได้คือ สักกายทิฏฐิ วิจิกิจฉา และสีลัพพตปรามาสได้แล้ว และยังละกามราคะกับพยาบาทอย่างละเอียดได้อีก 2 อย่าง 

กายธรรมพระอรหัตจะตกศูนย์เป็นดวงใส วัดเส้นผ่าศูนย์กลางได้ 15 วา  ในไม่ช้าศูนย์นั้นก็จะกลายมาเป็นกายธรรมพระอนาคามี หน้าตักกว้าง 15 วา สูง 15 วา นี่ก็แสดงว่า ผู้นั้นได้เป็นอริยบุคคลขั้นพระอนาคามีแล้ว

ต่อจากนั้น เอากายธรรมพระอนาคามีดูทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรคในกายอรูปพรหม จนครบ 3 รอบคือ สัจจญาณ กิจจญาณ และกตญาณแล้ว

ถ้าใจเราทำถูกส่วนและเราละกิเลส 5 อย่างที่ได้กล่าวไปแล้ว และยังละสังโยชน์เบื้องบนได้อีก 5 อย่างคือ รูปราคะ อรูปราคะ มานะ อุทธัจจะ อวิชชา กายธรรมพระอรหัตจะตกศูนย์เป็นดวงใส วัดเส้นผ่าศูนย์กลางได้ 20 วา 

ในไม่ช้าศูนย์นั้นก็จะกลายมาเป็นธรรมกาย หน้าตักกว้าง 20 วา สูง 20 วา นี่ก็แสดงว่า ผู้นั้นได้เป็นอริยบุคคลขั้นพระอรหันต์แล้ว

แต่พึงเข้าใจว่า ในการฝึกวิชชาประจำวัน ถ้าเราทำได้เช่นนั้น แต่พอเลิกฝึกปับ  เราก็ไม่เห็นอีก  จะถือว่า เป็นการบรรลุชั่วคราว 

สำหรับพวกที่บรรลุจริงๆ แล้ว เขาจะรู้เอง พูดให้เข้าใจง่ายๆ อย่างเราก็คือ เห็นกายใดตลอด 24 ชั่วโมงก็คือว่า เป็นพระอริยบุคคลขั้นนั้นก็แล้วกัน

ที่ตอบมาทั้งหมดนี้ เรียบเรียบมาจากหนังสือตามรอยธรรมกาย เขียนโดยพระครูภาวนามงคล วัดป่าเจริญธรรมกาย อ. ปทุมรัตต์ จ. ร้อยเอ็ด กับหนังสือของคุณลุงการุณย์ บุญมานุชชื่อ แนวเดินวิชาหลักสูตรคู่มือสมภารของหลวงพ่อวัดปากน้ำ. พิมพ์ครั้งที่ 2. กรุงเทพมหานคร: โรงพิมพ์เลี่ยงเชียง. หัวข้อบทบัญญัติที่ 2 ใช้ญาณทัสสนะของธรรมกายดูดวงธรรมในกายโลกีย์  บทบัญญัติที่ 3 วิธีทำฌานโดยใช้ธรรมกายดูอริยสัจ 4

ถ้าต้องการรายละเอียดอื่นใด ก็ศึกษาได้จากหนังสือของคุณลุงการุณย์ บุญมานุช ซึ่งหาดาวน์โหลดได้จากเว็บนี้ และเว็บที่เกี่ยวข้อง

หรือถ้าอยากรู้จริงๆ ก็ไปถามคุณลุงการุณย์เอาเอง ท่านอยู่จังหวัดจันทบุรี คงจะตอบได้ดีกว่าพวกลูกศิษย์อย่างพวกผม...



7 ความคิดเห็น:

  1. ไม่ระบุชื่อ20 กรกฎาคม 2555 เวลา 23:12

    ถ้าเก่งจริง ก็ลองใช้วิชา 18 กาย ของ ดร ตรวจดูสิ ว่าผมเป็นใคร มาจากไหน พ่อแม่ชื่ออะไร เรียนที่ไหน

    ตอบลบ
  2. ไม่ระบุชื่อ20 กรกฎาคม 2555 เวลา 23:18

    ถ้าเก่งจริง ก็ลองใช้วิชา 18 กาย ของ ดร ตรวจดูสิ ว่าผมเป็นใคร มาจากไหน พ่อแม่ชื่ออะไร เรียนที่ไหน
    ถ้าตอบถูกผมจะตามไปกราบถึงที่เลย กราบงามๆสามที แล้วบวชที่วัดหลวงพ่อสดธรรมกายารามอีก พรรษานึง แน่จริงก็ตอบให้ถูกสิ ดร เห็นเดินวิชชาขึ้นสวรรค์ นรก เป็นว่าเล่นเลย ถ้าเก่งมากๆ ก็ถอดกายละเอียดมาเข้าฝันผมนะ

    ตอบลบ
  3. แม่คุณเป็นผู้หญิงอาชีพพิเศษ พ่อคุณเป็นแขกไปเที่ยว แม่คุณทิ้งคุณไว้ที่โรงพยาบาล พ่อแม่ปัจจุบันของคุณเก็บมาเลี้ยง

    ไม่เชื่อไปตรวจ DNA ดูก็ได้

    ตอบลบ
  4. ไม่ระบุชื่อ24 ตุลาคม 2555 เวลา 18:34

    55555555555+ เจ๋งอะ ดร. พวกนี้ต้องเจอแบบนี้

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. ที่ผมมึนมากๆ ก็คือ มันยังไม่รู้ว่า ผมด่ามันเลย ตอนหลังๆ ผมก็เลยไม่ตอบ.......

      ก็มันโง่ป่านนั้น ก็ไม่รู้ว่าจะด่ามันไปทำไม

      ลบ
  5. พอทราบไหมครับว่า ถ้าไม่นับหลวงพ่อวัดปากน้ำ พระอรหันต์องค์สุดท้าย ที่ขึ้นสู่อายตนะนิพพาน ประมาณปี พ.ศ.ไหน มีพระไทยบ้างหรือเปล่า
    ที่ผมถามแบบนี้ คือผมอยากรู้ว่า โลกนี้มีพระอรหันต์ครั้งสุดท้ายเมื่อไร และที่ไหน แล้วก่อนหน้านี้ วิชชาธรรมกายเคยแพร่มาถึงไทยบ้างหรือเปล่า
    แล้วเป็นไปได้ไหมครับว่า หลังจากที่วิชาธรรมกายดับ (ประมาณ พ.ศ.500) ก็มีพระอริยบุคคลเกิดขึ้นบ้างเหมือนกัน แต่ไม่มีองค์ไหนเป็นพระอรหันต์

    ตอบลบ
  6. ผมว่า คุณจะไปยุ่งเรื่องที่ "ไม่ควรจะยุ่งในระยะเริ่มต้น" มากเกินไป จะทำให้คุณเห็นดวงธรรม "ยาก" ตอนนี้ คุณควรจะเลิกสนใจในเรื่องลึกๆ ควรไปสอน และทำวิชาให้เห็นดวงธรรมก่อน

    มันจะดีสำหรับตัวคุณ

    แต่ถามมาก็ต้องตอบ

    1) หลวงพ่อวัดปากน้ำไม่ใช่พระอรหันต์ ผู้ที่ "พบ" วิชาธรรมกายต้องเป็นพระพุทธเจ้าเท่านั้น หลวงพ่อวัดปากน้ำเป็นพระพุทธเจ้าภาคปราบองค์แรก

    ไม่ต้องไปสนใจว่า "ในยุคนี้ มีพระพุทธเจ้าอยู่แล้ว มีองค์อื่นอีกไม่ได้" นั่นเป็นกติกา สำหรับพระพุทธเจ้าภาคโปรดเท่านั้น

    ธาตุธรรมฝ่ายขาวก็มีการพัฒนาเหมือนกัน ดังนั้น ถ้าเราใช้เกณฑ์ว่า "ใครค้นพบวิชาธรรมกาย" ต้องเป็นพระพุทธเจ้า เรื่องนี้ก็ไม่น่าสงสัยอะไร

    2) พระอริยบุคคลคงมี แต่ไม่รู้ว่า "มีเท่าไหร่" เพราะ ไม่ใช่เรื่องที่จะต้อง "ทำทะเบียน" กัน แล้วถึงมีพระอริยบุคคลเกิดขึ้น เราก็ไม่รู้เหมือนกันว่า เป็นใคร และมีเท่าไหร่

    เพราะมันไม่ใช่เรื่องสำคัญ เรื่องสำคัญก็คือ การเผยพร่วิชา การทำวิชา การสร้างบารมี

    ถ้ามัวสอดส่ายสายตาไปทุกเรื่อง อย่างที่คุณกำลังทำอยู่ ตายแล้วเกิดอีก 1,000 ชาติ ก็ไม่เห็นดวงธรรม

    3) หลังจาก พ.ศ. 500 ยังไม่มีพระไทยในนิพพาน ในเมื่อพระไทยไม่มี พระชาติไหนๆ ก็ไม่มี เพราะ จะเข้านิพพานด้วยวิชาธรรมกายเท่านั้น

    ตอบลบ